ข่าวทั่วไป » ARDA ปลุกพลังเกษตรเชียงราย ดันนวัตกรรมยกระดับ Soft Power ผลิกโฉมแหล่งเกษตรตั้งเดิม สู่ศูนย์กลางสินค้าเกษตรนวัตถกรรมแห่งอนาคต

ARDA ปลุกพลังเกษตรเชียงราย ดันนวัตกรรมยกระดับ Soft Power ผลิกโฉมแหล่งเกษตรตั้งเดิม สู่ศูนย์กลางสินค้าเกษตรนวัตถกรรมแห่งอนาคต

15 มีนาคม 2025
21   0

14 – 15 มีนาคม 2568 สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA จั
ดกิจกรรมสัญจร” นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ชมนวัตกรรมงานวิจัยต่อยออดนโยบาย
ยกระดับการทำเกษตรตั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย เน้นการนำเทคโบโลยีและนวัตกรรมมาใช้พัฒนาสินค้าเกษตรมูลค่าสูงตอบสมองความต้องการของโลกด้านความมั่นคงทางอาหาร ยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกรไทยก้าวข้ามกับดักความยากจน

ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า กล่าวว่า ARDA
ให้ความสำคัญกับขับเคลื่อนนวัตกรรมงานวิจัยเกษตรแบบประณีตหรือเกษตรแม่นยำ เพื่อยกระดับสิบสินค้าเกษตรและบริการ
มูลค่าสูงด้วยการสร้าง Brand หรือ Story เพื่อให้เกิดเป็นอัตลักษณ์ประจำถิ่นสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้แก่แกษตรกรไทย ภายได้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” จังหวัดเชียงราย ถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพทางเกษตรกรรมโดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ อาทิ ชา ข้าว กาแฟ สับปะรด พืชสมุนไพร ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่มีโอกาศต่อยออดสู่สินค้าเกษตรนวัตกรรมมูลค่าสูง
การจัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจรครั้งนี้ จึงถือเป็นโอกาสดีได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมตัวอย่างโครงการวิจัยที่นำเทคโนโลยีและนวัดกรรมสมัยใหม่มาปรับใช้ในการทำเกษตรในพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม ดังนี้

นวัตกรรมปลูกข้าวญี่ปุ่น ที่เชียราย ลดนำเข้า 50 ล้าน! เกษตรกรกรกรกำไร กว่า19% หนึ่งในไฮไลต์สำคัญเริ่มดันของทริปนี้คือการลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงปลูกข้าวญี่ปุ่น หรือ ข้าวจาปอนิกา ซึ่งเป็นสินค้าตลาดเฉพาะ (Niche Market) ที่ประเทศไทยต้องนำเข้า กว่า 2,100 ดันต่อปี มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เนื่องจากพื้นที่
เพาะปลูกในประเทศยังไม่เพียงพอ อีกทั้งเกษตรกรต้องประสบปัญหาการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน ARDA จึงให้การสนับสนุนทุนวิจัยกับมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ศูนย์วิจัยข้าวเชียงราย กรมการข้าว และผู้ประกอบการภาคเอกชน
พัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวญี่ปุ่นให้ได้มาตรฐานพรีเมียม พร้อม จัดทำชุดเทคโนโลยีสำหรับใช้ถ่ายทอดอดองค์ความรู้ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสู่เกษตรกร เพื่อแก้ปัญหาการชาดแคลนเมล็ดพันธุ์ เทคโนโลยีการผลิตที่ไม่เหมาะสม การผลิดดับทุนสูง
การรับรองมาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงปัญหาด้านช่องทางการตลาด ซึ่งผลจากการส่งเสริมโครงการวิจัยนี้ส่งผลให้
ภาพวกที่เล็กร่วมจำนวน 90 คน มีผลผลิต ข้าว ตาปอนิกา เพิ่มขึ้น 10 % เฉลี่ย 945 กก./ไร่ ต้นทุนการผลิตลดลง 14%
เหลือ 5,096 บาท/ไร่ ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 19% หรือประมาณ 6,567 บาท/ไร่ นอกจากนี้ยังสามารถส่งเสริมกระบวนการปลูกตามมาตรฐาน GAP ได้จำนวน 40 ราย ขยายพื้นที่ปลูกได้ 279 ไร่ โดยมีเกษตรกรได้รับรองมาตรฐานแล้ว 35 ราย
นอกกจากนี้ยังได้ผลักตันการสร้างมาตรฐานโรงสีด้วยการพัฒนาโรงสีต้นแบบให้ได้มาตรฐาน GHP/HACCF
ก้าวสำคัญของจังหวัดเชียงรายในการปั้น “ข้าวญี่ปุ่นสัญชาติไทย” ลดนำเข้า ต่อยอดสู่อุตสาหกรรมข้าวพรีเมียมเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน



เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า