การได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย เป็นอยู่ยาก
การได้ฟังพระสัทธรรม เป็นของยาก
การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นการยาก
ท่านกล่าวว่าการจะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยาก เปรียบให้เห็นได้ดั่งเต่าใหญ่ตาบอดอยู่ใต้มหาสมุทร ร้อยปีจึงจะโผล่ขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำครั้งหนึ่ง และบนผิวน้ำนั้นมีทุ่นลอยอยู่ จะเป็นได้สักกี่ครั้งที่เต่าตาบอดจะโผล่ขึ้นมาในบ่วงของทุ่นนั้นพอดี นี่ว่ายากแล้ว แต่การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นท่านว่ายากยิ่งกว่า
31 ภพภูมิในวัฏสงสาร ภพภูมิมนุษย์ถือเป็นภพภูมิกลางและเป็นภพที่สร้างกรรม กรรมที่มนุษย์สร้าง ทั้งดี-ชั่ว เป็นบุญและเป็นบาป เมื่อสร้างแล้วย่อมเป็นวิบากให้ต้องไปเสวยผล 31 ภพภูมิหลังความตายของมนุษย์คือที่ไป ผู้ที่ต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสารทั้ง 31 ภพภูมินี้ จึงถูกเรียกว่า สัตว์โลกเสมอกัน
31 ภพภูมิ คือที่เวียนว่ายตายเกิดของเหล่าสัตว์ คำว่าสัตว์จึงเป็นคำกลางๆที่ใช้เรียกผู้ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารเสมอกัน คือมีความเป็นสัตว์เสมอกันเมื่อทำความดีก็ไปสู่สุคติภูมิ ถ้าทำชั่วก็ไปสู่ทุคติภูมิ ภูมิในวัฏสงสาร 31 ภูมิ จึงแบ่งแยกไปตามกรรมที่ทำ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ
กามภูมิ เป็นที่รวมของเหล่าสัตว์ที่ยังข้องอยู่ในกาม กามตัวนี้หมายถึงการติดข้องอยู่ในความรัก ความชัง ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นี่เอง ในกามภูมิจึงเต็มไปด้วยความรัก ความชัง เหล่าสัตว์ในนี้จึงมีรูปที่แบ่งแยกเพศเป็นชาย เป็นหญิงเพื่อสนองความต้องการของตน มีสวรรค์ 6 ภูมิเป็นที่ไปของการทำความดี มีอบายภูมิ 4 คือนรก เปรต อสุรกาย และเดรัจฉานเป็นที่ไปของผู้ทำความชั่ว และมนุษย์เป็นภูมิกลางที่สร้างกรรม รวมเป็น 11 ภูมิ ส่วนรูปภูมิและอรูปภูมิ เป็นที่ไปของผู้ทำสมถกรรมฐาน มีสภาวะเป็นรูปพรหม 16 และอรูปพรหม 4 รวมเป็น 31 ภูมิ เมื่อถึงความเป็นพรหม ทั้งรูปพรหมและอรูปพรหมแล้ว ที่นี่ เหล่าสัตว์จะอยู่ด้วยปิติธรรม มีปิติธรรมเป็นเครื่องอยู่ จึงไม่มีการแบ่งแยกเพศเป็นชาย เป็นหญิงอีกต่อไป มีแต่เพศของความเป็นพรหม
31 ภูมิ จึงเป็นการเสวยผลของการกระทำในภูมิมนุษย์เบื้องหลังจากความตายของแต่ละคน นั่นหมายความว่าเมื่อคนแต่ละคนทำกรรมดี กรรมชั่วอะไรไว้เขาต้องได้รับผลของกรรมนั้น อบายภูมิ 4 มนุษย์ 1 สวรรค์ 6 รูปพรหม 16 อรูปพรหม 4 ทุกคนมีสิทธิ์ไปเกิดได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับการกระทำของเขา ทุกการกระทำ จะดีหรือชั่วเรียกว่ากรรม มีผลของการทำเรียกว่า วิบาก
วิบาก คือการเสวยผลของกรรมที่สร้างทำ กรรม คือการกระทำของมนุษย์ เป็นคำกลางๆ เป็นได้ทั้งดีและชั่ว ถ้าทำดีเป็นบุญเรียกกุศลกรรม ถ้าทำชั่ว เป็นบาป เรียกว่าอกุศลกรรม ดังนั้น กุศลกรรมจึงมีวิบากเป็นกุศลวิบาก และถ้าเป็นอกุศลกรรม จึงมีผลเป็นอกุศลวิบาก คำว่าวิบากจึงไม่ใช่แค่ไม่ดี แต่มีทั้งดีและไม่ดี ต้องแจง ออกมาให้ครบถ้วนว่าเป็นวิบากประเภทไหน
ทาง 6 สาย คือ นรก เป็นที่เสวยผลของกรรมอกุศลที่หนักไปทางมีโทสะ สายหนึ่ง เปรต อสุรกาย เป็นที่เสวยผลของคนที่หนักไปทางโลภะ สายหนึ่ง เดรัจฉานเป็นที่เสวยผลของกรรมที่หนักไปทางโมหะ สายหนึ่ง มนุษย์เป็นที่เสวยผลของผู้ที่รักษาศีล 5และกุศลกรรมบถ สายหนึ่ง สวรรค์ เป็นที่เสวยผลของมหากุศล 8 ที่มีหิริโอตัปปะเป็นประธาน สายหนึ่ง พรหมโลก เป็นที่เสวยผลของการเจริญพระกรรมฐานสายหนึ่ง วนเวียนเกิดตาย ย้ายจากภพนี้ไปสู่ภพนู้น สุขก็ไม่ยั่งยืน ทุกข์ก็แสนสาหัส กรรมย่อมตามมาไม่รู้สิ้นอยู่ภายใน 31 ภพภูมินี้ จนกว่าจะได้รับพระสัทธรรมน้อมนำมาปฏิบัติจึงพ้นทุกในวัฏสงสารนี้ได้เรียกว่านิพพาน
ภพมนุษย์ จึงเป็นภพที่ปรารถนาของเหล่านาคและเทวดา เพราะเป็นภพที่รับผลได้ และสร้างเหตุได้ทั้งบุญและบาป ทั้งยังเป็นภพเดียวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาตรัสรู้เพื่อสั่งสอน ขนรื้อสัตว์ออกจากวัฏสงสาร ดังนั้น การได้ภพคือได้เกิดเป็นมนุษย์จึงถือว่าประเสริฐสุดในภพภูมิทั้งหมด