- การเคารพผู้ใหญ่ : เปรียบเทียบระหว่างอดีตกับปัจจุบัน
“การเคารพผู้ใหญ่ยังคงมีอยู่ในสังคมไทยหรือเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สมัยที่ท่านเป็นหนุ่มสาวกับสมัยนี้แตกต่างกันอย่างไร” แนวคิดพื้นฐานที่ตั้งคำถามนี้ เนื่องจากการเคารพผู้ใหญ่เป็นค่านิยมอย่างหนึ่งที่คนไทยยึดถือปฏิบัติสืบต่อมานาน แต่สภาพสังคมชนบทในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก คณะผู้วิจัยต้องการทราบว่าสิ่งเหล่านั้นมีผลกระทบต่อค่านิยม เรื่องการเคารพผู้ใหญ่หรือไม่ โดยให้ผู้สูงอายุเปรียบเทียบการเคารพผู้ใหญ่ในสมัยปัจจุบันกับสมัยก่อนว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
จากการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุทั้งหมดพบว่า ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ (ร้อยละ 70.5) มีความเห็นสอดคล้องกันว่าการเคารพผู้ใหญ่ในปัจจุบันลดลงไปมากในขณะที่ผู้สูงอายุเกือบหนึ่งในสี่ เห็นว่าการเคารพผู้ใหญ่ในปัจจุบันยังเหมือนกับสมัยก่อน ส่วนผู้สูงอายุคนอื่นๆ เห็นว่าวีการแสดงออกถึงการเคารพผู้ใหญ่ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อนและเห็นว่าการเคารพผู้ใหญ่ในปัจจุบันมีน้อยกว่าสมัยก่อนดังนี้
- ปัจจุบันการเคารพผู้ใหญ่ลดน้อยลง
จากการสัมภาษณ์ผู้สูงอายุส่วนใหญ่เห็นว่าการเคารพผู้ใหญ่ยังมีอยู่ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับอดีตแล้วปัจจุบันการเคารพผู้ใหญ่ลดน้อยลง หรือมีเพียงบางคนเท่านั้นที่ยังคงให้ความเคารพ ไม่เหมือนกับสมัยก่อนที่เด็กจะเคารพผู้ใหญ่มาก จากการรวบรวมความคิดเห็นต่อความแตกต่างระหว่างการเคารพผู้สูงอายุในอดีตกับปัจจุบันจำแนกออกได้เป็น 4 ด้านคือ
- ด้านกิริยามารยาท ผู้สูงอายุเห็นว่าถ้านำเด็กสมัยนี้มาเปรียบกับสมัยก่อนแล้วต่างกันมาก โดยให้เหตุผลว่าสมัยก่อนเวลาพบผู้ใหญ่ที่ไหนจะต้องยกมือไหว้ เดินผ่านผู้ใหญ่ต้องโน้มตัว ขอโทษ ก้มหัวให้ พูดกับผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ด้วยถ้อยคำที่ไพเราะ แต่เด็กสมัยนี้หลายคนขาดมารยาทไม่ค่อยไหว้ผู้ใหญ่ ต้องให้บอกว่านี้ลุง นี่ป้า จึงจะยกมือไหว้ และจะไหว้เฉพาะญาติผู้ใหญ่ที่รู้จักเท่านั้น ไม่เหมือนเด็กสมัยก่อนที่ยกมือไหว้หมดไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จัก เด็กสมัยนี้เวลาเดินผ่านผู้ใหญ่ก็ทำหลังแข็ง ไม่รู้จักโน้มตัวหรือก้มหัว นั่งสูงกว่าผู้ใหญ่เวลาพูดกับผู้ใหญ่ก็กระโชกโฮกฮาก ก้าวร้าว ไม่นุ่มนวล ใช้คำพูดที่หยาบคาย บางคนด่าว่า พูดจาดูถูก ล้อเลียนผู้ใหญ่
- ด้านการเคารพยกย่องผู้ใหญ่ เด็กสมัยก่อนผู้ใหญ่พูดหรือสั่งสอนอะไรจะเชื่อฟังทุกเรื่องไม่ต้องให้ผู้ใหญ่ดุว่า แค่ดูตาก็รู้ว่าต้องทำอะไร ไม่กล้าเถียงผู้ใหญ่ นับถือยกย่องเกรงใจผู้ใหญ่ เวลาเจอกันก็จะเป็นฝ่ายเข้าไปพูดคุยทักทายก่อน แต่เด็กสมัยนี้ดื้อไม่เชื่อฟังไม่สนใจคำพูดของผู้ใหญ่เถียงคำไม่ตกฟากไม่มีความเกรงใจ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง บางคนเจอผู้ใหญ่ไม่ทักทาย ไม่พูดด้วย ทำเมินเฉยกับคนแก่ บางคนเดินผ่านแล้วยังทำเชิดหน้าใส่ ดูถูกว่าเป็นคนแก่
- ด้านการให้ความช่วยเหลือ เด็กสมัยก่อนจะสงสารคนแก่ให้ความเอื้อเฟื้อโอบอ้อมอารีคอยช่วยเหลือ ผู้ใหญ่ใช้ให้ทำอะไรก็จะเต็มใจทำให้ แต่เด็กสมัยนี้จิตใจหยาบกระด้าง ไม่สงสารคนแก่ ไม่ให้ความช่วยเหลือ เห็นคนแก่ขึ้นรถเมล์ไม่ลุกให้นั่ง ใช้ให้ทำอะไรมักจะไม่เต็มใจทำให้
- ด้านความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่ เด็กสมัยก่อนจะมีความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ คอยเอาอกเอาใจดูแลคนแก่ แต่สมัยนี้สนใจแต่เรื่องทำมาหากิน ไม่มีเวลามาสนใจหรือใกล้ชิดคนแก่ ไม่รู้จักเอาอกเอาใจ สมัยก่อนตอนสงกรานต์ลูกหลานจะมาขอพร มาอาบน้ำให้พ่อแม่ ให้เงินทองพ่อแม่ แต่สมัยนี้ไม่มีเพราะจิตใจเปลี่ยนไป ไม่นับถือพ่อแม่เลยไม่เอาใจใส่เรื่องเหล่านี้
ผู้สูงอายุหลายรายมีความเห็นตรงกันว่า คำว่า “อ่อนน้อมถ่อมตน” ใช้ไม่ได้กับเด็กในปัจจุบัน โดยให้เหตุผลว่าสมัยนี้แม้แต่พระเขายังไม่ยกมือไหว้ ไม่สนใจ ผู้หญิงบางคนเดินชนพระยังไม่รู้สึก นับประสาอะไรจะมาเคารพนับถือคนแก่ ผู้สูงอายุแสดงความเห็นว่า การเคารพผู้ใหญ่ที่เปลี่ยนไปเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคม โดยชี้แจงเหตุผล ดังนี้
- ปัจจุบันพ่อแม่ยุ่งแต่กับการทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนสิ่งที่ดีงามให้ลูกหลาน เด็กสมัยนี้จึงขาดการอบรม ไม่มีมารยาท ไม่รู้ว่าอะไรควร ไม่ควร
- เด็กสมัยนี้ได้รับการศึกษาสูงเรียนมาก รู้มาก มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีเลยไม่ค่อยเชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่ เห็นว่าพ่อแม่เรียนมาน้อยพูดจาว่ากล่าวอะไรจึงไม่น่าเชื่อถือ ประกอบกับทางโรงเรียนคงไม่ได้อบรมสั่งสอนเรื่องกิริยามารยาท
- เด็กสมัยนี้ให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าเรื่องของจิตใจสนใจแต่เรื่องทำมาหากิน ไม่มีเวลามาสนใจหรือเคารพยกย่องผู้ใหญ่
- สิ่งเสพติด เช่น เหล้า ยาม้า ยาเสพติด ทำให้จิตใจของคนเปลี่ยนไป ผู้สูงอายุรายหนึ่งเล่าว่า “เด็กบางคนตอนเล็กๆ ก็อ่อนน้อมดี แต่พอติดยาก็ไม่เคารพนับถือคนแก่ แทบจะเดินข้ามหัว”
- เด็กสมัยนี้กินนมสัตว์ไม่ได้กินนมแม่เหมือนสมัยก่อนนิสัยเลยเปลี่ยนไป
นอกจากปัจจัยข้างต้น ผู้สูงอายุบางรายเห็นว่าการเคารพผู้ใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงไปอาจเป็นเพราะตัวผู้สูงอายุเองด้วยที่ทำตัวไม่ดี ลูกหลานจึงเสื่อมความเคารพนับถือซึ่งผู้สูงอายุหลานท่านได้แนะวิธีการแก้ไขสอดคล้องกันคือ ผู้ใหญ่ต้องช่วยกันอบรมสั่งสอนเด็กให้ยึดถือเรื่องการเคารพยกย่องผู้ใหญ่ และสนับสนุนให้มีการจัดงานวันผู้สูงอายุ เพื่อให้ลูกหลานได้มีโอกาสใกล้ชิดกับปู่ ย่า ตา ยายมากขึ้น นอกจากนี้ผู้ใหญ่ก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ทำตัวให้น่าเชื่อถือเหมือนแต่ก่อน ลูกหลานจะได้ให้ความเคารพนับถือ
เพื่อให้เห็นภาพรวมความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบันของการเคารพผู้ใหญ่ได้สรุปประเด็นสำคัญต่อไปนี้
ตารางความแตกต่างระหว่างการเคารพผู้ใหญ่ในอดีตกับปัจจุบัน
- การเคารพผู้ใหญ่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ผู้สูงอายุประมาณหนึ่งในสี่มีความเห็นว่าการเคารพผู้ใหญ่ในปัจจุบันยังคงเหมือนกับสมัยก่อน โดยเชื่อว่าเมื่อก่อนอย่างไรเดี่ยวนี้ก็เป็นเช่นนั้น คนที่เคารพยกย่องผู้ใหญ่จะเป็นบุญกุศลแก่ตัวเขาเอง ผู้สูงอายุได้ให้เหตุผลสนับสนุนว่าการเคารพผู้ใหญ่ยังคงมีเหมือนเดิม ดังนี้
- เด็กสมัยนี้เวลาพบผู้ใหญ่จะเข้ามาพูดคุยทักทายด้วยคำพุดที่ไพเราะ ให้ความยกย่องเรียกเป็นป้าลุง ตายาย
- เด็กสมัยนี้ เมื่อพบผู้ใหญ่จะยกมือไหว้ทุกครั้ง
- เด็กสมัยนี้ให้ความช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อต่อผู้สูงอายุเป็นอย่างดี เช่น ขึ้นรถเมล์ก็ลุกให้นั่ง ไปวัดก็รับยกเก้าอี้มาให้นั่ง หาข้าวหาน้ำมารับรอง ไม่รังเกียจคนแก่
- เทศกาลสงกรานต์ทางวัดจะจัดงานรดน้ำดำหัว แจกข้าวของคนแก่ มีหนุ่มสาวมาร่วมงานมากมาย
ผู้สูงอายุได้ให้เหตุผลว่าการที่ปัจจุบันลูกหลานยังคงให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่เหมือนเดิมเป็นเพราะตัวผู้สูงอายุเองได้ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูกหลานคอยสั่งสอน ปลูกฝังสิ่งที่ดีให้โดยกล่าวว่า “เขาเห็นเราเคยทำอย่างไร สั่งสอนอะไรเขาก็ทำตาม”
- เหตุผลอื่นๆ
สำหรับผู้ที่ตอบนอกเหนือจากข้างต้น บางคนเห็นว่าวิธีการแสดงออกถึงความเคารพผู้ใหญ่ในปัจจุบันเปลี่ยนไปโดยให้เหตุผลว่าสมัยก่อนการเคารพผู้ใหญ่แสดงออกในลักษณะการให้ความนับถือ เกรงใจ เชื่อฟัง เกรงกลัว นอบน้อม แต่ปัจจุบันแสดงออกโดยการยกมือไหว้ แต่ไม่ค่อยเชื่อฟังผู้ใหญ่ นอกจากนี้มีผู้สูงอายุเพศหญิงรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า ปัจจุบันการเคารพผู้ใหญ่มีมากกว่าสมัยก่อน โดยดูจากช่วงสงกรานต์ลูกหลานจะกลับมารดน้ำให้ทุกปี ซึ่งสมัยก่อนไม่ได้ปฏิบัติเช่นนี้