ผมเขียนบทความนี้จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่เชียงราย วันที่ 11 ก.ย. 67 เพื่อเป็นความทรงจำว่าแม้ในเหตุการณ์ที่เลวร้ายก็มีสิ่งดีงามเกิดขึ้น เพื่อให้ทุกคนมีศรัทธาเชื่อมั่นในการทำความดี
ตอนที่ 1 การผจญภัยสู่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย
11 ก.ย. 67 วันนี้ได้ประสบการณ์ใหม่เป็นการผจญภัยที่คาดไม่ถึง หลังจากฝนตกต่อเนื่องมาทั้งวันทั้งคืน ระดับน้ำแม่น้ำกก ขึ้นเร็วมาก ผมจะต้องเดินทางไปบรรยายที่ รพ.นาวัง จ.หนองบังลำภู วันที่ 12-13 ก.ย. 67 ตามแผนเดิมผมเดินทางจากเชียงราย วันที่ 11 ก.ย.67 ด้วยสายการบินแอร์เอเซียไปดอนเมืองเที่ยว 09.00 น. เพื่อไปต่อนกแอร์จากดอนเมืองไปอุดรธานี เที่ยวบิน 12.40 น. ผมออกจากบ้านขันติพงษ์ เวลา 07.13 น.ไปสนามบิน มฟล.ทางถนนบายพาสตะวันตก เหมือนทุกครั้ง ปกติจะใช้เวลาราว 25 นาที พอไปถึงทางแยกบายพาสฝั่งตะวันตกพบว่าทางปิด ไม่ให้ไปทางห้วยปากั้ง จึงเปลี่ยนใจออกไปทางสายหลักห้าแยกพ่อขุน ระหว่างทางเลยแยกขนส่งใกล้ถึงห้าแยกพ่อขุนรถติดมาก ไม่เคลื่อนตัวนานกว่า 30 นาที จึงตัดสินใจเช็คอินทางอินเตอร์เน็ตไว้ก่อน
ถึงเวลา 08.10 น. มีจนท.ท่าอากาศยานแจ้งให้ทราบว่าสะพาน ท.6 ปิด และสะพานข้ามน้ำกกจากห้าแยกตรงไปก็ปิด สะพานข้ามน้ำกกที่หน้าสถานีตำรวจก็ปิด
จึงติดต่อกับน้องแดงจนท.การท่าอากาศยาน มฟล. เพื่อถามเส้นทางที่พอจะไปสนามบินได้ และขอให้ติดต่อเลื่อนไฟล์แอร์เอเซียเป็นเที่ยวบ่ายโมง และขอให้ติดต่อเลื่อนนกแอร์เป็นเที่ยว 16.50 น.
ติดต่อคุณโป้งตัวแทนจำหน่ายฮุนได เจ้น้อยอีซูซุนกเงือก และร้านอาหารหมาที่ท่ารถ คนคุ้นเคยเพื่อขอให้หามอเตอร์ไซค์มารับเนื่องจากรถติดไม่ขยับเลย ทั้งสามคนต่างให้พนักงานเอามอเตอร์ไซค์มาช่วย
พนักงานฮุนไดของคุณโป้งอยู่บริเวณห้าแยกพอดี จึงมาถึงก่อน อาสาสมัครไปส่งสนามบิน ผมจึงโดดซ้อนมอเตอร์ไซค์โดยมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่วางไว้ตรงกลางระหว่างคนขับ สะพายเป้ของสำคัญไว้ข้างหลัง ให้หมอพัชรีขับรถกลับบ้าน
น้องพนักงานฮุนไดขับรถมอเตอร์ไซด์สุภาพมากซอกแซกไปจนถึงสะพานแม่ฟ้าหลวง ข้ามแม่น้ำกกได้แต่เห็นน้ำกกท่วมทั้งสองฝั่งแล้ว ลงสะพานมาเลยศาลากลางมาราว 50 เมตร น้ำท่วมถึงเข่า มอเตอร์ไซค์ลุยกันไปได้ราว 20 เมตร เครื่องดับสนิท ต้องเดินลุยน้ำไปยืนพักกันอยู่ที่ห้องแถวข้างทาง โชคดีที่เจ้าของบ้านจำได้ว่าเป็นหมอพิษณุ จึงช่วยกันบริการโบกรถให้ไปส่งสนามบิน
ผมก็ทำมือโบกรถอยู่ข้างทางแต่ไม่มีใครเห็น น้องพนักงานฮุนไดไปยืนโบกรถปิคอัพอยู่กลางถนน จนกระทั่งมีปิคอัพคันหนึ่ง คนขับนั่งคนเดียวเป็นชายหนุ่มท่าทางอารมณ์ดี พอบอกว่าจะขอให้ช่วยไปส่งหมอที่สนามบิน เขาจอดรถรับทั้งที่น้ำท่วมเกือบถึงเข่าแล้ว
พอถึงสนามบินมฟล.ผมขอให้เงินตอบแทนความมีน้ำใจแต่หนุ่มชาวห้วยขม ซึ่งเป็นคนพื้นที่สูงที่มีน้ำใจคนนี้ บอกว่า “คุณหมอช่วยชีวิตคนมามากแล้วขอให้ผมได้ตอบแทนบุญคุณ คุณหมอด้วย แค่นี้ผมก็ดีใจ และภูมิใจมากแล้วครับ” ฟังแล้วน้ำตาจะไหลครับ
สังคมเราอยู่ได้เพราะความมีน้ำใจของคนนี่แหละเป็นสำคัญ ผมเลยขอถ่ายภาพไว้เอาไปสอนคนอื่นว่า “ยังมีคนดีอีกมากมายในสังคมไทย อย่าท้อใจในการทำความดี”
ผมขอขอบคุณทุกคนที่เอ่ยนามมาและขอบคุณสายการบินแอร์เอเซียและนกแอร์ รวมทั้งหมอพัชรีที่ร่วมผจญภัยอยู่บนรถด้วยกัน มา ณ ที่นี้ด้วย
ตอนที่ 2 ภาระกิจช่วยหมอพัชรีจากบ้านขันติพงษ์ หมู่บ้านเชียงรายคันทรี่โฮมไปพักที่ศูนย์แพทย์ฯ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์
12 ก.ย.67 วันนี้ทั้งวันขณะที่ผมกำลังบรรยายเพื่อสร้างคนดีแทนคุณแผ่นดิน อยู่ที่รพก. นาวัง หนองบัวลำภู ในใจนึกเป็นห่วงหมอพัชรีอยู่ตลอดเวลา เพราะยังคงติดอยู่ในบ้านขันติพงษ์ ออกมาไม่ได้ โดยไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา เนื่องจากมีน้ำล้อมรอบตัวบ้านขันติพงษ์ และหมู่บ้านเชียงรายคันทรี่โฮม บางช่วงหน้าหมู่บ้านระดับน้ำลึกมากเกินกว่าระดับหน้าอก บางช่วงในหมู่บ้าน น้ำลดลงแล้ว ถนนมีแต่โคลนหนามากไม่สามารถเดินได้ จึงจะต้องใช้รถที่ยกสูง ร่วมกับเรือท้องแบนและต่อด้วยรถกระบะจึงจะเข้าถึงตัวบ้านได้ มีคนจากหน่วยงานมากมาย ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงครูบาอาจารย์ เพื่อนสนิทมิตรสหาย แม้แต่คนไข้ หรือร้านค้าที่รู้จักกัน ต่างก็โทรศัพท์เข้ามาอย่างไม่ขาดสาย สอบถามด้วยความเป็นห่วงและหาทางช่วยเหลือให้หมอพัชรีออกมาจากบ้านขันติพงษ์อย่างปลอดภัย
ทางด้านหมอพัชรีก็เช่นกัน มีคนโทรฯเข้าตลอดเวลาจนแบตโทรศัพท์ที่ใช้พาวเวอร์แบงค์สำรองจะหมดจึงไม่ได้รับโทรศัพท์ทุกสาย ทำให้หลายหลายคนเป็นห่วงว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่
ตัวผมเองขณะบรรยายอยู่ก็มีโทรศัพท์ถามถึงความปลอดภัยของหมอพัชรีและมีผู้ประสานงานให้การช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ใช้เวลาค่อนวันยังเข้าไม่ถึงตัวบ้าน ในที่สุดต้องใช้รถทหารคันใหญ่ เรือท้องแบน และรถเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน ทำงานร่วมกันจึงประสบความสำเร็จ สามารถพาหมอพัชรีออกมาพักในห้องพักที่จัดไว้ให้ที่อาคารศูนย์แพทยศาสตรศึกษาโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ได้สำเร็จใน เวลา 18.00 น. แต่โหน่งกะโก้น้องหมาทั้งสองตัวไม่สามารถนำออกมาได้สำเร็จเพราะควบคุมให้อยู่นิ่งๆในเรือไม่ได้ จะทำให้เรือล่ม จึงยังคงต้องอยู่ที่บ้านพร้อมน้องปุ๊กแม่บ้านคนเก่งช่วยดูแลอยู่ ภารกิจนี้มีการประสานงานของหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ และเอกชน มีการวางแผนปรึกษาหารือกันหลายขั้นตอนจึงสำเร็จ
ผมและหมอพัชรี ขอขอบคุณ ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน ตลอดจนทุกคนที่เป็นห่วง ช่วยกันประสานงานจนภารกิจนี้สำเร็จถือเป็นการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ
ตอนที่ 3 เมื่อน้ำลด โคลนก็ผุด
14 ก.ย. 67 จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เชียงราย บ้านขันติพงษ์ อยู่ในเชียงรายคันทรี่โฮม บ้านจัดสรรแห่งแรกๆของเชียงราย อยู่ที่บ้านป่างิ้ว ม.4 ต.รอบเวียง ผมอาศัยอยู่ในบ้านนี้นานกว่า 31 ปีแล้ว ไม่เคยมีน้ำท่วมหมู่บ้าน และไม่เคยคิดว่าจะเกิดน้ำท่วม เพราะอยู่ในที่สูงพอควรและอยู่ห่างจากแม่น้ำกกกว่า 500 เมตร ยังเคยพูดตลกๆกับเพื่อนๆว่าถ้าที่บ้านท่วม ตัวเมืองเชเยงรายคงท่วมหมด
วันที่ 11 ก.ย. 67 ระดับน้ำในแม่น้ำกกสูงขึ้นเร็วมาก จนน้ำเข้าท่วมตัวเมืองรวมถึงในหมู่บ้านรวดเร็วอย่างไม่คาดคิด หน้าทางเข้าหมู่บ้านระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร อย่างไรก็ตามน้ำลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกันภายใน 24 ชม.
“พอน้ำลด โคลนก็ผุด” ไม่น่าเชื่อว่า น้ำจะพาโคลนเข้ามาในบ้านได้มากขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าน้ำที่ลงมาท่วมเชียงรายครั้งนี้ ต้องเป็นน้ำป่าที่ไหลลงมาจากภูเขาต้นน้ำกก ที่มีฝนตกเป็นจำนวนมาก ในอดีตบนเทือกเขาต้นน้ำมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้ ทำให้ปริมาณน้ำฝนที่มีจำนวนมากนั้นมีต้นไม้และดินคอยซึมซับน้ำ ทำให้น้ำไม่ไหลบ่าลงมาอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันป่าไม้หายไปหมดกลายสภาพเป็นไร่ข้าวโพด ไร่เลื่อนลอย จึงไม่มีดินที่จะคอยอุ้มซับน้ำ น้ำปริมาณมากจึงพัดพาเอาดินโคลนลงมาด้วย ทำให้แม่น้ำตื้นเขิน เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมได้ง่าย
จึงเป็นเหตุผลให้เห็นว่าน้ำท่วมที่บ้านแค่วันเดียว แต่นำเอาดินโคลนมาเป็นจำนวนมาก ถ้าทั้งจังหวัดจะมีดินโคลนมากมายมหาศาลขนาดไหน ในก้นแม่น้ำกกจะมีดินโคลนทับถมกันมากเพียงใด และจะยิ่งทำให้แม่น้ำตื้นเขินขึ้นมากมายขนาดไหน
เฮ้อเศร้าใจจัง รัฐบาลก็คิดแต่จะสร้างฝายสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม ทั้งที่สาเหตุเกิดจากไม่มีป่าไม้บนภูเขาแล้ว ควรหันมาปลูกป่าอย่างจริงจังให้กลับมาสมบูรณ์เหมือนในอดีต เพราะป่าเป็นอ่างเก็บน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ อีกทั้งยังให้ความชุ่มชื่น ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อน อาจใช้เวลา 10 ปี 20 ปี แต่ก็ยังมีความหวังให้ลูกหลานของเราได้อยู่อย่างมีความสุข ธรรมชาติโหดร้ายแต่มีความยุติธรรมเสมอ ถ้ามนุษย์ไม่ทำร้ายธรรมชาติ ย่อมจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อย่างแน่นอน ขออ้อนวอนผู้บริหารประเทศได้ร่วมกันแก้ปัญหาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังเพื่อให้ประชาชนได้อยู่อย่างมีความสุขไม่ต้องหวาดระแวงทุกครั้งที่ฝนตกหนักหรือมีพายุ “ขอบคุณรัฐบาลในฝันของประชาชนไว้ล่วงหน้าที่ทุกคนอยากเห็นมานาน”
ตอนที่ 4 การทำความสะอาดโคลนที่บ้านขันติพงษ์
15 ก.ย. 67 บ้านขันติพงษ์ เชียงราย “Before & After” ต้องขอบคุณ คุณแสวงที่อาสามาทำความสะอาดโคลนที่มากับน้ำท่วม ผมเป็นคนทำคลอดลูกคุณแสวงทั้ง 2 คน ตอนนี้เป็นหมอทั้งคู่ ลูกสาวคนโตกำลังเรียนมะเร็งนรีเวช ที่ รพ.ราชวิถี ส่วนลูกชายคนเล็กกำลังจะเรียนต่อเอ็กเรย์ คุณแสวงและภรรยาเลี้ยงลูกได้ดีมาก ลูกทั้งสองคนเป็นหมอที่ดีของคนไข้ และเพื่อนร่วมงาน อีกทั้งยังมีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ วันนี้คุณแสวงพาคนงานมาอีก 2 คน พร้อมกับรถปิคอัพที่มีถังน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง พร้อมเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ทำกันอยู่ทั้งวัน จนเสร็จเรียบร้อย และยังเอาน้ำสะอาดมาเติมใส่ในแท้งค์ไว้ให้ใช้อีก เพราะไม่รู้ว่าน้ำประปาจะไหลเมื่อไร คิดค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าแรงคนงาน 2 คน ของตัวคุณแสวงเองไม่ยอมรับค่าตอบแทน บอกว่า “เป็นคนครอบครัวเดียวกัน” เป็นเครื่องยืนยันอีกครั้งหนึ่งของหมอณุที่ว่า “ทำดีให้มากมาก ไม่ต้องหวังสิ่งใดตอบแทน ถึงเวลาจะได้เอง” “น้ำใจคนไทยยังมีให้เห็นอยู่เสมอ”
“ขอบคุณที่เป็นคนดี”